ในช่วงการตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน ทำให้กระบวนการย่อยของอาหารช้าลง ลำไส้ใหญ่ก็จะดูดซึมน้ำในปริมาณที่มากเกินไปประกอบกับขนาดของมดลูกขยายตัว มีการหดรัดตัวกดทับลำไส้ ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวช้าลง จึงทำให้อุจจาระจับตัวเป็นก้อนแข็งทำให้เกิดอาการท้องผูก ขณะตั้งครรภ์คุณแม่จึงเกิดอาการท้องผูกได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่ดื่มน้ำน้อย ก็เป็นสาเหตุของการเกิดท้องผูกได้เช่นกันค่ะ
ดูแลตัวเองไม่ให้ท้องผูก
ดื่ม “น้ำเปล่า”
คุณแม่ควรจะเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้ว นอกจากน้ำเปล่าแล้วการดื่มน้ำผลไม้ก่อนนอน เช่น น้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ น้ำแอปเปิ้ลหรือน้ำลูกพรุน จะช่วยเสริมในเรื่องระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดีค่ะ
ออกกำลังกายหลังอาหาร
คุณแม่ควรหาเวลาออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 20-30 นาที กิจกรรมที่เหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์ ก็คือ กิจกรรมประเภทที่มีแรงกระแทกน้อย เช่น โยคะ หรือเดินช้าๆ การออกกำลังกายนั้น นอกจากจะทำให้ลำไส้ได้เคลื่อนไหวแล้ว ยังส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญช่วยลดอาการท้องผูกได้ดีค่ะ
เพิ่มกากใย
คุณแม่ตั้งครรภ์จะเกิดอาการหิวบ่อย ลองเปลี่ยนจากที่เคยทานมื้อใหญ่ 3 มื้อ มาเป็นทานมื้อย่อย 5-6 มื้อ โดยมื้อที่เพิ่มมาอาจเป็นอาหารว่างแต่มากด้วยคุณค่า เช่น ธัญพืชหรือผลไม้ เพราะนอกจากจะอุดมไปด้วยวิตามิน และเกลือแร่แล้ว ยังมีกากใยสูง จะช่วยในการขับถ่ายได้ดี ที่สำคัญเวลาเคี้ยวอาหาร ควรเคี้ยวให้ละเอียดและช้าลงกว่าเดิม เพื่อช่วยให้กระเพาะอาหารไม่ทำงานหนักจนเกินไป และช่วยลดปัญหาอาการแน่นท้องด้วยค่ะ
หากคุณแม่เกิดอาการท้องผูกแล้ว ไม่ควรหาซื้อยามากินเอง ถ้าพยายามทุกวิธีแล้วก็ยังแก้ไม่หาย ควรปรึกษาคุณหมอให้ช่วย เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์ค่ะ