สภาพอากาศที่ร้อนจัดของประเทศไทยในช่วงหน้าร้อนนี้ ส่งผลให้เชื้อโรคต่างๆ เจริญเติบโตได้ดีและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้จะปะปนมากับอาหารและน้ำดื่ม ทำให้เสี่ยงต่อการป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก เนื่องจากเด็กมีภูมิต้านทานร่างกายที่น้อยกว่าผู้ใหญ่ ส่งผลให้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
5 โรคหน้าร้อนที่พบบ่อยในเด็ก
1. โรคอุจจาระร่วง สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย โปรโตรซัว พยาธิ ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีเชื้อโรคเข้าไป โดยเด็กจะมีการถ่ายอุจจาระเหลวปนน้ำมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน ถ่ายเป็นน้ำหรือมีมูกเลือดปน ในเด็กบางรายอาจมีอาการไข้ อาเจียน และภาวะขาดน้ำร่วมด้วย หากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้ติดเชื้อในเลือดเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
2. โรคอาหารเป็นพิษ เกิดจากเชื้อต่างๆ ที่มาจากพิษแบคทีเรีย เชื้อรา หรือสารเคมีที่ปนเปื้อน มักพบได้จากอาหารที่ไม่สุกสะอาด หรือน้ำที่มีสารปนเปื้อน หรือการได้รับสารเคมีบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย เมื่อร่างกายพยายามขับเอาสารเหล่านั้นออกมา จะทำให้เด็กมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง ปวดหัว คอแห้งกระหายน้ำ และอาจมีไข้ได้
3. โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยในหน้าร้อน เกิดจากการที่ผิวหนังมีการอักเสบเรื้อรังจากปฏิกิริยาทางภูมิแพ้ อาการของโรคคือ ผิวหนังจะแห้ง คันมาก และไวต่อสารภายนอกที่มาสัมผัส ทำให้มีผื่นขึ้นเป็นแผ่นแดง ลอก และเป็นขุย จะเป็นๆ หายๆ การป้องกันทำได้โดยสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อนุ่ม ใช้สบู่อ่อน และใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อให้ผิวเกิดความชุ่มชื้น
4. โรคลมแดดหรือฮีทสโตรก คือ ภาวะฉุกเฉินที่อุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส เกิดจากการที่อยู่ในสถานที่ที่อากาศร้อนมากๆ และร่างกายไม่สามารถปรับตัวลดอุณหภูมิให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ จนอาจเกิดอาการฮีทสโตรก อาการที่พบ ได้แก่ ปวดศีรษะ หน้ามืด เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัวหายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรืออาจจะช็อกจนเสียชีวิตได้
5. โรคไวรัสตับอักเสบเอ เกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนไวรัสตับอักเสบเอ เช่น อาหารที่ปรุงไม่สุกดี อาการมักเริ่มจากมีไข้ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เมื่อไข้ลดจะมีอาการตัวเหลือง และตาเหลือง ในเด็กเล็กมักมีอาการเพียงเล็กน้อย บางรายมีอาการไม่กี่วัน แต่ถ้าเป็นในเด็กโตจะมีอาการเป็นสัปดาห์ โดยเฉลี่ยประมาณ 3 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
เพื่อลดความเสี่ยงในการป่วยด้วยโรคหน้าร้อนดังกล่าว พ่อแม่ ผู้ปกครอง จึงควรใส่ใจดูแลเจ้าตัวซน ดังนี้
1. ดูแลให้เด็กรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ โดยอาหารจะต้องสะอาด ปรุงสุกใหม่
2. ดูแลให้เด็กรักษาสุขอนามัยร่างกาย หมั่นล้างมือให้สะอาด โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ
3. ดูแลให้เด็กอยู่ในสภาพอากาศที่เหมาะสม ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป หากร้อนมากควรพยายามลดความร้อน โดยอาบน้ำ เปิดแอร์ เปิดพัดลม ให้เด็กอยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี ให้เด็กสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ
4. ดูแลให้เด็กดื่มน้ำให้เพียงพอ รวมถึงดื่มน้ำให้มากขึ้นในวันที่มีอากาศร้อนจัดเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ
โรคหน้าร้อนเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรปล่อยผ่าน เนื่องจากเด็กเล็กร่างกายยังไม่มีภูมิคุ้มกันมากพอ และอาจปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
