อาการปวดหัวเป็นสาเหตุของอาการปวดที่หลายคนสามารถพบได้ทั่วไป โดยเพื่อนๆ อาจรู้สึกปวดข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง อาการปวดหัวปวดเป็นอีกหนึ่งอาการที่น่าเบื่อและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน บางครั้งความเจ็บปวดก็กระจายไปที่คอ ฟันหรือกระบอกตา โดยทั่วไปแล้วความเจ็บปวดจากอาการปวดหัวมักจะบรรเทาลงภายในไม่กี่ชั่วโมงและไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แต่อาการปวดที่รุนแรงในด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ หรือปวดไม่หาย อาจเป็นสัญญาณของบางอย่างที่ร้ายแรงกว่า
อาการปวดหัวข้างซ้าย เป็นอีกหนึ่งอาการที่หลายคนพบบ่อยๆ สาเหตุแรกๆ ที่เพื่อนๆ ควรพิจารณาถึงคือ สาเหตุที่มาจากการใช้ชีวิต พฤติกรรมที่ส่งผลเกิดอาการดังกล่าวได้ มาดูกันว่า ไลฟ์สไตล์แบบไหนบ้างที่ทำให้เรา “ปวดหัวข้างซ้าย”
- แอลกอฮอล์: เบียร์ ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่น ๆ ประกอบด้วยเอทานอลซึ่งเป็นสารเคมีที่กระตุ้นให้ปวดศีรษะโดยการขยายหลอดเลือด
- การงดมื้ออาหาร: สมองของเราต้องการน้ำตาล (กลูโคส) จากอาหารเพื่อให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม เมื่อเราไม่กิน ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง สิ่งนี้เรียกว่า “ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ” และอาการปวดหัวเป็นหนึ่งในอาการของภาวะดังกล่าวนั่นเองครับ
- ความเครียด: เมื่อเพื่อนๆ อยู่ภายใต้ความเครียดร่างกายจะปล่อยสารเคมีเพื่อตอบสนองว่า “ต่อสู้ หรือ หนี” สารเคมีเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อของเราตึงและเปลี่ยนการไหลเวียนของเลือดซึ่งทั้งสองอย่างนี้ทำให้เกิดอาการปวดหัวได้
- อาหาร: เป็นที่ทราบกันดีว่าอาหารบางชนิดทำให้เกิดอาการปวดหัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีสารกันบูด เช่น เนยแข็ง, ไวน์แดง, ถั่วและเนื้อสัตว์แปรรูปอย่างฮอทดอก เบคอน
- นอนไม่พอ: การนอนไม่หลับสามารถทำให้ปวดหัวได้ เมื่อมีอาการปวดหัวความเจ็บปวดยังสามารถทำให้นอนหลับยากขึ้นไปอีกในเวลากลางคืน คนที่มีความผิดปกติของการนอนหลับ เช่น หยุดหายใจขณะหลับมีแนวโน้มที่จะปวดศีรษะส่วนหนึ่งเป็นเพราะการนอนหลับถูกรบกวนนั่นเอง
แนวทางบรรเทาอาการปวดหัวข้างซ้ายแบบเร็วๆ
- ใช้การประคบร้อนหรือเย็น บริเวณศีรษะหรือคอ
- แช่ในอ่างน้ำอุ่น
- ฝึกหายใจลึก ๆ
- ฟังเพลงที่สงบเพื่อผ่อนคลาย
- งีบหลับ
- หาอะไรกิน หากเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ใช้ยาแก้ปวดที่ขายตามเคาน์เตอร์ โดยปรึกษาเภสัชกรก่อนเสมอ
ถ้าเรารู้ว่า พฤติกรรมอะไรที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวข้างซ้าย เฮียอยากให้เพื่อนๆ ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้นกันสักเล็กน้อยนะครับ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
