เมื่อเพื่อนๆ ระบุเหตุผลทั้งหมดที่ต้องการในการลดน้ำหนักอย่างชัดเจนและจดบันทึกไว้ สิ่งนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ มีความมุ่งมั่นและมีแรงบันดาลใจในการบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักนั้นอย่างดีเลยค่ะ นอกจากนี้จะทำให้เพื่อนๆ ไม่หลงทางออกจากแผนการลดน้ำหนักของตัวเอง
ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะเป็นเรื่องของการอยากใส่เดรสแล้วดูดีขึ้น ใส่กางเกงตัวที่เล็กลง หรือแม้แต่การที่อยากมีสุขภาพดีขึ้น ล้วนเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้เพื่อนๆ ได้อย่างแน่นอน (พยายามดูหรืออ่านมันทุกวัน)
หลายคนเริ่มลดน้ำหนักเพราะแพทย์แนะนำ แต่การวิจัยในหัวข้อ การตั้งเป้าหมายเป็นกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ ของ Pearson ES แสดงให้เห็นว่าผู้คนประสบความสำเร็จมากขึ้นถ้าแรงจูงใจในการลดน้ำหนักมาจากภายจิตใจนะคะ
แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ… การตั้งเป้าหมายที่สมจริง และมีความเป็นไปได้นั้นช่วยเราได้ดีกว่า เป็นอะไรบ้าง มาลองหาคำตอบกับเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กัน
มีอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิดที่อ้างว่าช่วยลดน้ำหนักได้ง่ายและรวดเร็ว อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่กลับแนะนำให้ลดน้ำหนักเพียง 1-2 ปอนด์ (0.5–1 กิโลกรัม) ต่อสัปดาห์ โดยการตั้งเป้าหมายที่ไม่สามารถบรรลุได้อาจทำให้เพื่อนๆ รู้สึกหงุดหงิดและทำให้ยอมแพ้ไปในที่สุด ในทางตรงกันข้ามการตั้งค่าและการบรรลุเป้าหมายที่ทำได้นั้นนำไปสู่ความสำเร็จที่ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ผู้ที่บรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักที่กำหนดด้วยตนเองมีแนวโน้มที่จะรักษาระดับการลดน้ำหนักในระยะยาวอีกด้วย จากการศึกษาของ McKee H ในหัวข้อเกี่ยวกับการดูแลน้ำหนัก
การศึกษาโดยใช้ข้อมูลจากศูนย์ลดน้ำหนักหลายแห่งพบว่า ผู้หญิงที่คาดว่าจะลดน้ำหนักมากที่สุดนั้นมีแนวโน้มที่จะออกจากโปรแกรมมากที่สุดด้วยเช่นเดียวกัน
ข่าวดีก็คือการลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อย 5-10% ของน้ำหนักร่างกายของเพื่อนๆ สามารถมีผลกระทบต่อสุขภาพที่ดีได้นะ หากเพื่อนๆ มีน้ำหนัก 180 ปอนด์ (82 กก.) นั่นก็แค่ 9–18 ปอนด์ (4-8 กก.) หากมีน้ำหนัก 250 ปอนด์ (113 กิโลกรัม) ก็คือ 13-25 ปอนด์ (6–11 กิโลกรัม)
ที่จริงแล้วการลดน้ำหนักตัวของเราลงได้ 5-10% สามารถทำได้ให้เกิดประโยชน์ที่คิดไม่ถึง แบบนี้:
- ปรับปรุงการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- ลดระดับคอเลสเตอรอล
- ลดอาการปวดข้อ
- ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด
ดังนั้น กำหนดความคาดหวังในการลดน้ำหนักที่สมจริงเพื่อเพิ่มความรู้สึกของความสำเร็จและป้องกันไม่ให้เหนื่อยเกินไป การลดน้ำหนักในปริมาณปานกลางเพียง 5-10% ก็ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้เหมือนกัน และยังดีกับสุขภาพของเราแล้ว