ไหนใครกำลังอดอาหารเช้าเพื่อลดน้ำหนักยกมือขึ้น? อยากบอกว่าวิธีการนี้มันเป็นวิธีที่โบราณไปแล้ว ซึ่งจากการศึกษาในโรคอ้วนพบว่าจริงๆ แล้วหากต้องการลดน้ำหนักให้ได้ผลควรทานอาหารเช้าดีที่สุดและควรแบ่งแคลอรี่ลงไปในมื้อเช้าเยอะๆ ด้วยถึงจะดี ซึ่งผู้ที่รับประทานอาหารเช้าแคลอรี่สูงจะลดน้ำหนักได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานหรือรับประทานอาหารเช้าน้อยๆ แต่ไปเน้นหนักมื้อเย็นเต็มที่
การศึกษาครั้งนี้ทำที่มหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ โดยได้แบ่งผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนลงพุงออกเป็นสองกลุ่ม ตั้งเป้าให้ทั้งสองกลุ่มทานอาหารทั้งวันรวม 1,400 แคลอรี่เป็นเวลา 12 สัปดาห์
- กลุ่มแรกให้ทานอาหารเช้าที่ 700 แคลอรี่ อาหารกลางวัน 500 แคลอรี่ และอาหารเย็น 200 แคลอรี่
- กลุ่มที่ให้ทานอาหารเย็นกลับกันคืออาหารเช้า 200 แคลอรี่ อาหารกลางวัน 500 คลอรี่ อาหารเย็น 700 แคลอรี่
พบว่ากลุ่มอาหารเช้าจะลดน้ำหนักลงไปได้ประมาณร้อยละ 11 ขณะที่กลุ่มอาหารเย็นน้ำหนักลงไปเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นระดับไตรกลีเซอไรด์ของผู้ที่บริโภคอาหารเช้าเต็มที่จะลดลงไปมากถึงร้อยละ 34 ส่วนกลุ่มอาหารเย็นระดับไตรกลีเซอไรด์จะลดลงเพียงร้อยละ 15 นอกจากนี้ดัชนีชี้วัดระดับกลูโคส อินซูลิน และภาวะต้านอินซูลินก็ยังจะลดลงไปอีกโดยกลุ่มอาหารเช้าจะลดลงไปมากกว่า
การศึกษาครั้งนี้สามารถสรุปได้ว่าช่วงเวลาในการรับประทานอาหารที่เหมาะสมจะส่งผลต่อกระบวนการย่อยอาหารสำหรับการลดน้ำหนักที่ได้ผล บางทีอาจสำคัญกว่าการนับแคลอรี่เสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้อลิส เลอวีน นักโภชนาการในลอสแองเจลีสได้แนะนำเพิ่มเติมว่า ควรจะรับประทานอาหารให้สอดคล้องกับความหิวและสัญญาณเตือนว่าอิ่มของร่างกาย เพื่อที่จะได้โปรตีนที่เหมาะสม รู้แบบนี้ก็ลองทำตามแบบที่ว่านี้ดูละกัน!!
เป็นอย่างไรบ้างเอ่ยกับเทรนด์ใหม่การทานอาหารเช้า 700 แคลอรี่ ดูน่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหม ซึ่งวิธีนี้จะส่งผลดีต่อสุขภาพและให้ประโยชน์ต่อการลดน้ำหนักอย่างไรบ้าง ก็ต้องไปลองทำตามกันเลย