การตรวจแปปสเมียร์ ควรตรวจบ่อยแค่ไหน?

0

หนึ่งในการตรวจที่ผู้หญิงหลายคนควรไปตรวจก็คือ การทดสอบ Pap smear สำหรับมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงรวมถึงเซลล์ที่ผิดปกติซึ่งอาจบ่งบอกถึงโรคมะเร็งได้โดยการกวาดตัวอย่างของเซลล์ออกจากปากมดลูก ตัวอย่างดังกล่าวถูกส่งไปที่ห้องทดลองเพื่อตรวจทาน หลังจากนั้นจะทราบผลตรวจ

การตรวจ Pap smear โดยปกติจะใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที เพื่อนๆ ควรจำไว้ว่า ควรงดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการตรวจและอาจต้องเลื่อนการตรวจ หากเป็นประจำเดือนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องที่สุด

pap-smear-how-often

หากเพื่อนๆ ไม่เคยได้รับการตรวจ Pap smear (การตรวจแปปสเมียร์) เราจะไม่โกหกว่าการตรวจอาจทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ในระหว่างขั้นตอนของแพทย์เพื่อนๆ จะนอนอยู่บนเตียง ขา เท้า หัวเข่ายกขึ้น  ในขณะที่อยู่ในตำแหน่งนี้แพทย์จะใส่เครื่องมือที่เรียกว่า speculum ในช่องคลอดเพื่อขยายและเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกได้นั่นเอง

 

หากเพื่อนๆ อายุ 21 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจเป็นประจำ สำหรับความถี่ในการตรวจนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย รวมทั้งช่วงอายุและสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขของผู้หญิง กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ (The Office on Women’s Health, US Department of Health and Human Services) ได้แนะนำไว้ว่า

ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 21 ถึง 29 ปีควรได้รับ pap smear ทุกๆ 3 ปีในขณะที่ผู้หญิงอายุระหว่าง 30 ถึง 64 ปีควรได้รับการตรวจและการตรวจเชื้อ HPV ทุกๆ 5 ปีหรือทุกๆ 3 ปี สำหรับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ควรปรึกษาแพทย์ว่าสามารถหยุดการทำ pap smears ได้หรือไม่

และความถี่ของการตรวจจะบ่อยขึ้นเมื่อ…

  • มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเนื่องจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด การปลูกถ่ายอวัยวะหรือการใช้สเตียรอยด์
  • ติดเชื้อเอชไอวี
  • แม่ของเพื่อนๆ มีการใช้ยาคุมฉุกเฉิน DES (diethylstilbestrol) ตอนตั้งครรภ์
  • เพื่อนๆ เคยมีแนวโน้มเป็นมะเร็งปากมดลูกมาก่อน หรือได้รับการวินิจฉัยว่าผลตรวจมีความผิดปกติ
ที่มา: You Probably Hate Getting Pap Smears, but Here’s Why You Shouldn’t Miss Them
โดย ROSY PAHWA, Popsugar.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *