ผิวหนังไหม้แดด (Sunburn)เกิดจากการที่ผิวหนังถูกแสงแดดแผดเผาจากรังสียูวี (Ultraviolet: UV) จนเป็นสีแดงก่อให้เกิดอาการแสบร้อน คันและอาจมีตุ่มพองเกิดขึ้น หลังจากนั้นอาการแดงจะค่อยๆ ลดลงเกิดการลอกของผิวหนังตามมา อาจมีอาการอ่อนเพลีย และวิงเวียนศีรษะเล็กน้อยร่วมด้วยผิวจะเกิดอาการไหม้จากแดดในช่วงเวลา 10.00-15.00 น. มากที่สุดเพราะว่าเป็นเวลาที่แสงแดดมีความรุนแรงมากที่สุด การได้รับรังสียูวีมากเกินไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เป็นกรณีที่เกิดได้น้อยมาก
ตามปกติหลังจากนั้น 2-3 วันผิวหนังที่ไหม้จะค่อยๆลอกออกเป็นแผ่นบางๆ สีผิวจะดูไม่สม่ำเสมอ อยู่ประมาณ 2-3สัปดาห์ สำหรับอาการของคนที่โดนแดดไหม้และควรไปพบแพทย์คือ มีการติดเชื้อจากตุ่มน้ำที่แตก เป็นตุ่มหนอง ปวดมาก มีไข้หรือมีการอักเสบลามไปบริเวณอื่น ซึ่งบ่งถึงการติดเชื้อในผิวหนังชั้นลึกลงไป การรักษาตัวก่อนพบแพทย์ ควรใช้น้ำเย็นประคบบริเวณที่ไหม้ ร่วมกับทาครีมกลุ่ม Aloe Vera gel หรือ Aftersunlotionทุกวัน จนผิวหายลอก หากมีอาการเจ็บมากอาจรับประทานยากลุ่ม NSAIDS ได้
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดภาวะผิวหนังไหม้แดด
1. สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศใส่หมวกปีกกว้างและกางร่ม เมื่อจะต้องออกแดด
2. ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด ในช่วงเวลาระหว่าง 10 โมงเช้า – บ่าย 3 โมงเย็น เนื่องจากความเข้มของรังสี UVB และ UVA ที่มายังพื้นผิวโลกจะสูงที่สุด ในช่วงเวลา 11 โมงเช้า – บ่าย 2 โมงเย็น
3. ทากันแดดเป็นประจำ และใช้ครีมหรือโลชั่นกันแดดที่มีคุณสมบัติต่างๆให้เหมาะสมกับกิจกรรมในแต่ละวัน โดยควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF ไม่ต่ำกว่า 30 กันน้ำทนน้ำ และสามารถป้องกันรังสีในช่วงสเปกตรัมที่กว้าง นั่นหมายถึงต้องป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVBและถ้าต้องออกแดดหรืออยู่กลางแจ้ง ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อปกป้องผิวตลอดเวลา