“มะเร็งลำไส้”
ถือเป็นอีกหนึ่งภัยร้ายที่คุกคามชีวิตคนทั้งโลกอย่างรวดเร็ว ที่น่ากลัวคือ กว่าที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไปพบแพทย์ อาการของผู้ป่วยก็อยู่ในระยะที่หนักๆ เสียแล้ว จึงยากที่จะทำการรักษาฉะนั้นหากหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเอง รู้จักสัญญาณเตือนของโรค ก็จะมีโอกาสชะลออาการเจ็บป่วยได้
มีผลสำรวจเกี่ยวกับโรคมะเร็งลำไส้ออกมาว่า ไม่เพียงแต่ผู้ใหญ่อายุ 30 ปีขึ้นไปที่มีโอกาสเป็นโรคนี้ ช่วงอายุวัยรุ่น วัยทำงานก็เสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งลำไส้ขึ้นได้ ถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดี หักโหมงานมากเกินไป ร่างกายไม่ได้พักผ่อนหรือได้รับสารอาหารตามความเหมาะสม ดังนั้น จึงควรใส่ใจสุขภาพของตัวเองให้มาก
สัญญาณเตือนอาการเสี่ยง “โรคมะเร็งลำไส้”
- การขับถ่ายเปลี่ยนไป หรือผิดปกติไปจากเดิม เช่น เคยอุจจาระทุกเช้าสม่ำเสมอ กลับไม่อุจจาระเลย
- มีเลือดปนอยู่ในอุจจาระ จะมีลักษณะเป็นมูกเลือกออกมาพร้อมกับอุจจาระ
- ขนาดของอุจจาระเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
- มีอาการท้องเสียสลับกับอาการท้องผูกบ่อยผิดปกติ หรืออาจมีอาการท้องผูกเรื้อรัง
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ บ่อยผิดปกติ และมักมีอาการปวดบริเวณท้องช่วงล่าง
- มีการบีบตัวของลำไส้จึงทำให้ปวดมวลท้องเป็นระยะ เมื่อคลำอาจพบก้อนในช่องท้องบริเวณล่างขวา
- อยากเข้าห้องน้ำ หรือมีอาการปวดเบ่งบริเวณทวารหนักตลอดเวลา แต่เมื่อเข้าไปก็อุจาระไม่ออก หรือมีอาการถ่ายไม่สุด
- ความอยากอาหารลดลง เพราะเมื่อมีก้อนเนื้ออยู่ในลำไส้ การทำงานของลำไส้จะช้าลง ส่งผลให้ไม่หิว
- รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ซีด เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุรวมถึงน้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะรับประทานอาหารในปริมาณเท่าเดิม
- คลื่นไส้ อาเจียน เริ่มมีอาการอาเจียนบ่อยๆ เนื่องจากการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้ที่เกิดจากมะเร็ง
โดยส่วนใหญ่แล้วอาการของโรคมะเร็งจะเริ่มต้นจากสัญญาณเตือนเล็กๆ ที่เราอาจมองข้าม ซึ่งอาการเหล่านี้ อาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าหากละเลยก็อาจทำให้อาการยิ่งรุนแรงขึ้นค่ะ
การตรวจพบมะเร็งลำไส้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น มีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้เพิ่มโอกาสการรักษาให้หายขาดได้ ฉะนั้นหากมีอาการเตือนข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด