ใครๆ ก็อยากมีฟันขาวสวย เพื่ออวดรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจ แต่ด้วยหลายๆ ปัจจัยทำให้ฟันของหลายคนไม่ได้ขาวสวย ครั้นจะไปพบแพทย์เพื่อเข้าคอร์สฟอกฟันขาว ก็เสียดายเงิน เพราะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
การใช้ตัวช่วยที่ได้ยินมาอย่าง “น้ำมะนาวผสมเบคกิ้งโซดา” ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ว่าแต่จะได้ผลจริงหรือ?
การแชร์เรื่องราวผ่านสื่อออนไลน์ให้ใช้น้ำมะนาวผสมเบคกิ้งโซดาหรือโซเดียมไบคาร์บอเนต เพื่อช่วยให้ฟันขาว เป็นคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากน้ำมะนาวมีความเป็นกรดสูงจะละลายแคลเซียมออกจากผิวฟัน ทำให้ฟันกร่อน และกรดจากมะนาวยังระคายเคืองเหงือกอาจทำให้เหงือกอักเสบได้ เมื่อเคลือบฟันกร่อนทำให้มีอาการเสียวฟันตามมา และการที่เคลือบฟันถูกทำลายจะเพิ่มโอกาสเกิดฟันผุได้ง่ายอีกด้วย
ส่วนเบคกิ้งโซดาแม้จะสามารถกำจัดคราบต่างๆ ที่ติดบนผิวฟันได้ ทำให้ฟันขาวสะอาดขึ้น แต่ไม่สามารถทำให้ฟันขาวจากเนื้อฟันข้างในได้ และไม่ควรใช้เบคกิ้งโซดาในผู้ที่มีเหงือกอักเสบและเสียวฟันอยู่แล้ว รวมถึงห้ามใช้เบคกิ้งโซดาเป็นประจำต่อเนื่อง เพราะมีโอกาสทำให้ฟันกร่อนได้ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ติดเครื่องมือจัดฟัน เบคกิ้งโซดาจะทำให้กาวยึดเครื่องมือจัดฟันอ่อนตัวและหลุดได้
สำหรับสาเหตุที่ฟันเปลี่ยนสีเกิดได้เกิดจาก 2 สาเหตุ
- จากคราบสีที่ติดบนผิวนอกของตัวฟันเช่น คราบชา กาแฟ
- ฟันเปลี่ยนสีที่มาจากภายในตัวฟันหรือเนื้อฟัน เช่น ฟันที่ถูกกระแทก ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันแล้ว
เมื่อสีฟันไม่ขาวทำให้บางคนขาดความมั่นใจในรอยยิ้มของตนเอง และต้องการฟอกฟันให้ขาว ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันด้วยตนเอง มีการโฆษณาอย่างแพร่หลายทางสื่อต่างๆ และสามารถหาซื้อใช้เองได้ง่าย
โดยผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่มีปริมาณไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์มากกว่าร้อยละ 6 หรือมีคาร์บาไมด์เพอร์ออกไซด์ (CP) มากกว่าร้อยละ 18 จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ต้องใช้โดยทันตแพทย์เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคได้รับอันตรายต่อเหงือก ฟัน ช่องปาก รวมถึงทางเดินอาหารในกรณีที่มีการกลืนผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
อย่าเชื่อการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์โดยไม่ตรวจสอบ งานนี้ถึงฟันจะขาวขึ้น แต่ก็ไม่คุ้มกับผลเสียที่เกิดกับฟันไม่ว่าจะเป็นฟันกร่อน เหงือกอักเสบ เคลือบฟันถูกทำลาย หรืออาจถึงขั้นทำให้ฟันผุ