ณ บัดนาวประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงฤดูร้อน ประกอบกับเป็นเวลาที่เด็กนักเรียนกำลังปิดเทอม พ่อแม่ผู้ปกครองจึงพาลูกรักวัยซนไปทำกิจกรรมหรือท่องเที่ยวคลายร้อนตามสถานที่ต่างๆ เช่น สวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ อาจทำให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไปสู่เด็ก โดยเฉพาะการติดเชื้อไวรัส “หูดข้าวสุก”
เนื่องจากเด็กเล็กมีระบบภูมิคุ้มกันที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ ทำให้เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย โดยเชื้อไวรัสที่พบบ่อยในสถานที่ที่มีความร้อนชื้น คือ ไวรัส หูดข้าวสุก พบได้ในเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปและติดต่อโดยการสัมผัสทางผิวหนังโดยตรงจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้ สามารถเข้าทางผิวหนังที่เป็นแผลและแพร่กระจายจากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งได้จากการสัมผัส
อาการที่พบในเด็ก คือ มีลักษณะเป็นตุ่มใสขนาดเล็กมีสีเนื้อรูปโดม เป็นหลุมตรงกลางบริเวณใบหน้า มักพบในบริเวณที่สัมผัสหรือเสียดสีกัน เช่น ข้อพับแขน รักแร้ ขาหนีบ อากาศร้อน และความชื้นสูง จะทำให้เป็นมากขึ้น เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถเจริญเติบโตได้ดี หากมีการแกะเกาจะมีอาการบวม แดง ผิวหนังอักเสบและเป็นหนองได้
พ่อแม่จึงควรหมั่นสังเกตความผิดปกติทางร่างกายของลูกน้อย หากพบว่ามีลักษณะอาการข้างต้น ควรรักษาแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ และควรเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งแพทย์อาจใช้เข็มสะอาดแคะก้อนในหูดออก หรือทายากระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ระยะเวลารักษาติดต่อกันหลายเดือน
เนื่องจากพบประวัติการติดเชื้อของผู้ป่วยส่วนใหญ่เกิดในสถานที่ที่ค่อนข้างชื้น เช่น สถานที่ออกกำลังกายสาธารณะ สระว่ายน้ำ หรือการใช้อ่างอาบน้ำร่วมกัน ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานภายหลังจากทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหูดข้าวสุก เพราะโรคนี้สามารถติดต่อได้โดยง่ายจากการสัมผัสผิวหนังระหว่างกัน
ดังนั้น เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ ควรสอนให้เจ้าตัวซนล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดเป็นประจำ ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และไม่ควรว่ายน้ำในขณะที่มีบาดแผลค่ะ