“โรคปอดอักเสบ” เกิดจากสาเหตุหลัก 2 กลุ่ม คือ…
ปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อและปอดอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
แต่โดยทั่วไปพบปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อมากกว่าทั้งจากไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ที่น่ากลัวคือ แหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคอยู่ใกล้ตัวเรามากๆ ไม่ว่าจะเป็นฝักบัวก๊อกน้ำแอร์สปา ฯลฯ
“ลีจิโอเนลลา” เป็นเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิด “โรคปอดอักเสบ” โดยเชื้อลีจิโอเนลลา เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคได้ 2 ลักษณะ หากติดเชื้อโดยมีภาวะปอดอักเสบร่วมด้วยอาการก็จะรุนแรงและเกิดอัตราการป่วยตายสูง เรียกว่า โรคลีเจียนแนร์ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เริ่มด้วย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ตามด้วยมีไข้สูง หนาวสั่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน อาจมีอุจจาระร่วง ไอแห้งๆ
ส่วนอาการแบบไม่รุนแรงเรียกว่า โรคไข้ปอนเตียก อาการจะคล้ายๆ ไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ มักจะหายภายใน 2-5 วัน แม้จะไม่ได้รับการรักษา โดยโรคนี้จะแสดงอาการรุนแรงในกลุ่มผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคไต โรคปอดเรื้อรังหรือในกลุ่มผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำจะติดเชื้อนี้ได้ง่ายแล้วโรคก็จะลุกลามจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ภูเก็ต ได้ทำการสำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจาย โดยเก็บตัวอย่างน้ำที่นำมาจากแหล่งต่างๆ ได้แก่
- หอผึ่งเย็น
- ถังเก็บน้ำ
- ฝักบัว
- ก๊อกน้ำ
- สปา
- สระว่ายน้ำ
- ถาดแอร์
จากโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ มาทำการตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธีเพาะเชื้อ ตั้งแต่ ม.ค.- ธ.ค. 2559 จำนวน 1,508 ตัวอย่าง ผลปรากฏว่า
ตรวจพบเชื้อลีจิโอเนลลา จำนวน 116 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 7.69
สำหรับตัวอย่างน้ำที่พบเชื้อมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ น้ำจากฝักบัว ร้อยละ 13.2สปา ร้อยละ 12.9 และก๊อกน้ำ ร้อยละ 10.4 แต่ปริมาณที่พบยังไม่สูงพอที่จะก่อให้เกิดโรคในคนอย่างไรก็ตามไม่ควรปล่อยปละละเลยจนเกิดความเสี่ยงโดยการติดต่อ “โรคลีเจียนแนร์” เกิดจากการสูดหายใจเอาเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ในละอองฝอยของน้ำจากแหล่งที่มีเชื้อลีจิโอเนลลา การสำลักนํ้าที่มีเชื้อเข้าไปในปอดและการติดเชื้อในกระแสเลือดผ่านทางบาดแผล
ฉะนั้น เพื่อป้องกันและลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคดังกล่าว จึงควรหาเวลาทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ที่เสี่ยง เช่น ล้างหน้ากากแอร์หรือแกะฝักบัวมาเช็ดล้างทำความสะอาดตะไคร่ที่มาเกาะ