คุณแม่วัยทำงานหลายคนที่ตั้งครรภ์ครั้งแรกมักมีคำถามในใจว่า ควรจะหยุดทำงานในระหว่างตั้งครรภ์ดีมั้ย? เพราะใจหนึ่งก็ไม่อยากเสียรายได้จากการพักงาน ส่วนอีกวูบหนึ่งก็ห่วงว่า ถ้ายังทำงานต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
อย่าเพิ่งเครียดนะคะ เราอาสาหาคำตอบให้แล้ว…
ความที่สังคมในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากอดีต ผู้หญิงแต่งงานแล้วไม่ได้มีหน้าที่เพียงดูแลบ้าน รอให้สามีทำงานหาเงินเข้าบ้านอยู่ฝ่ายเดียว ต่างฝ่ายต่างทำงานนอกบ้านเพื่อเก็บเงินไว้เป็นทุนสำรองยามมีเจ้าตัวเล็ก ฉะนั้นการเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นคุณแม่สำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการดูแลตนเองของคุณแม่มือใหม่ที่ต้องทำงานไปด้วย
ในส่วนของการทำงานของหญิงตั้งครรภ์นั้น เพื่อความปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการแท้ง ลักษณะงานที่ต้องทำในช่วงตั้งครรภ์ต้องเป็นงานที่ไม่หนัก หรือเป็นความรับผิดชอบที่ไม่มากนัก ถ้าเป็นเช่นนี้คุณแม่สามารถทำงานได้จนกว่าจะคลอดค่ะ
ทริคดูแลสุขภาพของคุณแม่มือใหม่ที่ต้องทำงานไปด้วย
- ควรสวมใส่ชุดคลุมท้องที่เบาสบายไม่รัดรูปจนเกินไป ใส่แล้วคล่องเนื้อคล่องตัว งดใส่รองเท้าส้นสูง
- หากต้องนั่งเก้าอี้นานๆ ควรมีพนักพิงที่เอียงประมาณ 110 – 120 องศา อาจเสริมเบาะสำหรับพิงเพื่อจะได้นั่งให้ก้นชิดพนักพิง
- หลีกเลี่ยงงานที่ต้องมีการเดินบ่อย ยืนนานๆ หรือว่าต้องยกของหนัก หากมีความจำเป็นควรใช้วิธีการงอเข่าหลังเหยียดตรง ปล่อยน้ำหนักไว้ที่ต้นขาจะช่วยไม่ให้คุณแม่ปวดหลัง
- ระหว่างการทำงานควรมีการปรับเปลี่ยนอิริยาบถ โดยหมั่นขยับร่างกายตัวเองอยู่เสมอ
- ถ้ารู้สึกตัวว่าอ่อนเพลียหรือเหนื่อยเกินไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะกำลังทำงานใดหรือมีความสำคัญมากเพียงใด ควรหยุดพักงานไว้ก่อน และบอกกล่าวให้ผู้อื่นรู้เพื่อจะช่วยกันทำงานนั้นต่อไป เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ทั้งนี้คุณแม่ที่ทำงานขณะตั้งครรภ์ ควรพกสมุดฝากครรภ์ติดตัวไว้เสมอ
นอกจากนี้ คุณแม่ที่มีเบบี๋ในท้องยังต้องระวังปัญหาสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์ที่พบบ่อย คือ ภาวะโลหิตจาง ทำให้คุณแม่มีอาการอ่อนเพลีย ซีด เหนื่อยง่าย หน้ามืด เป็นลมบ่อย วิงเวียนศีรษะและเบื่ออาหาร ซึ่งอันตรายของภาวะเลือดจางระหว่างตั้งครรภ์นั้น เลือดที่ไปเลี้ยงรกจะมีออกซิเจนน้อยกว่าปกติ ทำให้ทารกเกิดความผิดปกติหรือเสียชีวิตได้
และที่ลืมไม่ได้คือ คุณแม่มือใหม่ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ หากมีความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ควรรีบไปพบแพทย์!