ในช่วงเวลา 9 เดือนสำคัญ ทุกอย่างใกล้ปิดฉากแล้ว และไม่นานก็จะเริ่มองค์ใหม่ กับบทบาทความเป็น “คุณแม่” เต็มตัว แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คุณจะไปถึงตรงนั้น มีบางเรื่องที่คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนเข้าห้องคลอดนะคะ
1.คุณอยากคลอดแบบไหน?
มีหลายวิธีที่คุณสามารถเลือกคลอดได้ คุณสามารถเลือกคลอดแบบธรรมชาติโดยไม่ใช้ยาแก้ปวด คลอดแบบธรรมชาติโดยใช้ยาแก้ปวดร่วมด้วย หรือผ่าคลอด ลองหาข้อมูลของทุกวิธีดูแล้วลองเปรียบเทียบว่าวิธรคลอดอย่างไหนเหมาะกับคุณที่สุด ทางโรงพยาบาลจะนำใบยินยอมเพื่อว่าคุณต้องการยาแก้ปวดระหว่างเจ็บท้องไหมมาให้เซ็น เมื่อถึงเวลาเจ็บท้องคลอดคุณอาจจะไม่อยู่ในภาวะที่สามารถตัดสินใจอะไรได้เป็นเหตุเป็นผลก็ได้ (ก็เล่นเจ็บซะขนาดนั้นนีนา) ลองคุณกับคุณหมอตั้งแต่เนิ่น ๆ นะคะ เพราะคุณหมอคือผู้ที่รู้ประวัติทางการแพทย์ของคุณและเป็นแหล่งข้อมูลเคลื่อนที่ชั้นดีสำหรับคุณเลย
2.คุณจะเร่งคลอดหรือไม่?
คุณหมออาจจะแนะนำให้คุณฉีดเร่งคลอดหากคุณหมอไม่อยู่วันทำคลอดเมื่อครบกำหนด หรือบางทีคุณอาจจะเจ็บท้องคลอดแล้วแต่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตามคุณควรตัดสินใจก่อนเจ็บท้องคลอด โดยเฉพาะกรณีที่คุณไม่ต้องการใช้ยาใดใดช่วยตั้งแต่เจ็บท้องจนถึงกระบวนการคลอด นอกจากนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่คุณเองก็ไม่คาดคิดว่าคุณต้องเร่งคลอด ลองปรึกษาคุณหมอเผื่อไว้ด้วยก็ดีเหมือนกันนะคะ
3.คุณต้องการเตรียมสัมภาระอะไรไปโรงพยาบาลบ้าง?
สำหรับบางคนกระบวนการคลอดลูกตั้งแต่เจ็บท้องจนกระทั่งคลอดบางครั้งอาจจะกินเวลาเกิน 40 ชั่วโมง ดังนั้นคุณอาจจะอยากเตรียมสิ่งของบางอย่างไปบ้างเพื่อให้กระบวนการคลอดลูกนี้ง่ายขึ้น อย่างซีดีเพลงโปรดของคุณ ขนม อาหาร หมอนอิง การเตรียมกระเป๋าและของใช้สำหรับการคลอดลูกนั้นควรทำแต่เนิ่น ๆ เพราะเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องไปโรงพยาบาลอาจจะชุลมุมจนลืมของที่จำเป็น
4.คุณจะไปโรงพยาบาลทันทีที่เจ็บท้องคลอดเลยหรือไม่?
หลังจากที่ถุงน้ำคร่ำแตกไม่กี่ชั่วโมง คุณอาจจะรู้สึกเจ็บท้องคลอด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ว่าคุณต้องการเดินทางไปโรงพยาบาลเลยหรือเปล่า หากไปถึงโรงพยาบาลเร็วเกืนที่คุณจะคลอด คุณก็ต้องไปนอนรอนานเหมือนกันกว่าที่คุณจะเจ็บท้องพร้อมคลอดจริง ๆ หากคุณเลือกที่จะอยู่บ้านในช่วงเจ็บท้องแรก ๆ อาจจะฟังแล้วสบายกว่ากันเยอะ เพราะคุณไม่ต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวเมื่อเจ้าหน้าที่ติดเครื่องดูการบีบรัดตัวของมดลูกกับอัตราการเต้นหัวใจของลูกไว้ที่ท้องของคุณ
5.คุณจะบล็อกหลังหรือไม่?
ยาแก้ปวดอย่างการบล็อกหลังสามารถใช้ได้เมื่อถึงจุดที่คุณหมอสั่งเท่านั้น หากใช้เร็วเกินไปอาจจะหมดฤทธิ์เมื่อกระบวนการคลอดยังไม่สิ้นสุด แต่ถ้าใช้ช้าเกินไปก็จะท้องผลไว้อีกนานเหมือนกันกว่ายาจะหมดฤทธิ์ ดังนั้นจึงควรวางแผนการใช้การบล็อกหลังอย่างรอบคอบ เช่น ตอนที่ปากมดลูกเปิด 4 เซ็นติเมตร
6.คุณอยากให้สามีเข้าห้องคลอดหรือไม่?
คุณอยากให้สามีอยู่ในห้องคลอดเพื่อกุมมือให้กำลังใจคุณหรือเปล่า? หรืออยากให้สามีรออยู่หน้าห้องคลอดก็พอแต่อยากให้คุณแม่หรือพี่สาวเข้าไปอยู่ในห้องคลอดกับคุณแทน? บางครอบครัวเลือกที่จะให้สามีอยู่ให้กำลังใจในห้องคลอด และได้เห็นหน้าลูกครั้งแรกพร้อมกัน ถ้าคุณลองทบทวนดูแล้วว่านี่ไม่ใช่แนวทางสำหรับคุณ ก็เป็นเรื่องปกติค่ะ เพียงแค่คุณตัดสินใจไว้เนิ่น ๆ ก่อนไปโรงพยาบาลจะได้ไม่เกิดเรื่องถกเถียงกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวคุณเมื่อถึงเวลาที่คุณเจ็บท้องคลอดก็เท่านั้นเอง
7.คุณจะให้ลูกกินนมแม่หรือไม่
หากคุณวางแผนว่าคุณจะให้ลูกกินนมแม่ พยาบาลจะพาลูกมาดูดกระตุ้นหลังคลอดแม้ว่าลูกจะยังไม่หิวก็ตาม การดูดกระตุ้นสามารถช่วยให้ร่างกายผลิตนม การให้ลูกกินนมแม่เป็นการตัดสินใจของแม่แต่ละคน แม่แต่ละคนก็มีเหตุผลในการตัดสินใจของเธอเอง
8.คุณจะทำอย่างไรกับสายสะดือของลูก?
คุณจะทำอย่างไรกับสายสะดือของลูก สายสะดือของลูกเป็นแหล่งของสเต็มเซลล์ที่สามารถช่วยชีวิตลูกของคุณในอนาคตได้ คุณอาจจะบริจาคสายสะดือของลูก หรือว่าจะจัดการเก็บสายสะดือของลูก ทั้ง 2 กรณีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คุณควรไตร่ตรองดูให้ครอบคอบนะคะ
9.คุณอยากใช้เวลาสานสายใยรักหลังคลอดกับลูกคุณเงียบๆ หรือไม่?
สมาชิกทุกคนในครอบครัวต่างตื่นตาและรอคอยกับการเกิดของลูกคุณ แต่บางทีคุณอาจต้องการอยู่เงียบ ๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับลูกพร้อมกับสามีหลังคลอดในฐานะพ่อแม่มือใหม่กัน ลองคุยกับสามีเพื่อทำตกลงว่าคุณจะทำอย่างไรเมื่อเจอสถานการณ์ที่ญาติและเพื่อนแห่กันมาเยี่ยมถึงโรงพยาบาลหลังจากที่คุณเพิ่งคลอดลูกเสร็จ
หากตัดสินใจในเบื้องต้นกับเรื่องเหล่านี้ได้ก่อน ก็จะทำให้ทุกอย่างไม่ฉุกละหุก แล้วยังนำเวลาที่จะต้องคิดเรื่องจิปาถะเหล่านี้ไปใช้กับช่วงเวลาที่มีความสุขกับลูกน้อยของคุณได้ด้วย อย่างไรก็ตาม หากทุกอย่างในการตัดสินใจไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก ก็ขอให้ว่าที่คุณแม่อย่าเครียดและปล่อยวางเสีย เพื่อความสบายใจและความสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นนะคะ.
