ถ้าพูดถึง “น้ำพริก” ที่ทุกครัวเรือนนิยมกิน คงต้องยกให้ “น้ำพริกกะปิ” แต่ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกชนิดไหนๆ ก็ใช้วัตถุดิบและวิธีโขลกคล้ายๆ กัน ว่าใครๆ ก็โขลกน้ำพริกกะปิได้ ส่วนการปรุงรสนั้นจะมี 3 รส คือ เปรี้ยว เค็มและหวาน ใครชอบรสไหนก็ให้รสนั้นนำ
สำหรับเคล็ดลับง่ายๆ ในการตำน้ำพริกกะปิให้อร่อยคือเราต้องเลือกส่วนผสมที่นำมาปรุงก่อน ดังนี้
กะปิ
ควรเลือกกะปิแท้ที่ทำจากกุ้งหรือเคยเนื้อละเอียด สีเป็นธรรมชาติไม่แดงจนเกินไป มีกลิ่นหอมชวนกิน รสชาติไม่เค็มจัด ก่อนลงมือโขลกน้ำพริก อย่าลืมนำใบตองมาห่อแล้วนำไปปิ้งไฟเสียหน่อย กลิ่นจะหอมกว่าเดิมมาก ถ้าไม่อยากปิ้งไฟ คั่วในกระทะแทนก็ได้เหมือนกัน
กระเทียม
ควรใช้กระเทียมกลีบเล็ก จะมีกลิ่นหอมกว่ากระเทียมกลีบใหญ่ แต่ต้องขยันแกะเปลือก พูดถึงวิธีแกะเปลือก มีเทคนิคง่ายๆ มาเล่า ยุงลองแล้วแจ๋วจริงๆ คือ แค่ทุบกระเทียมให้พอแตก แล้วเทใส่ภาชนะที่มีฝาปิด จากนั้นเขย่าแรงๆ หลายครั้งๆ จะทำให้เปลือกกระเทียมร่อนออกจนเหลือแต่เนื้อ เปิดฝา แล้วเก็บเปลือกออกให้หมด
พริก
ถ้าจะให้น้ำพริกมีกลิ่นหอมต้องใช้พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็ก จะมีกลิ่นหอมมากกว่าพริกเม็ดใหญ่ แต่อย่าเผลอใส่ไปครั้งละหลายๆ เม็ดเพราะจะเผ็ดมาก สำหรับยุงใส่ลงไปโขลก 4-5 เม็ดก่อน ส่วนที่เหลือจะบุบให้แตกเล็กน้อย แล้วโรยหลังจากโขลกส่วนผสมทุกอย่างเสร็จแล้ว
มะนาว
เป็นเครื่องปรุงรสที่ขาดไม่ได้เลย น้ำพริกจะอร่อยเหาะ ต้องเลือกมะนาวสดๆ เปลือกสีเขียวใส เปลือกนิ่ม ก่อนบีบควรคลึงผลมะนาวสักหน่อย เพื่อให้น้ำมะนาวฉ่ำอยู่ในผล บ้านยุงบีบน้ำมะนาวแล้วจะใส่เปลือกมะนาวลงไปด้วย ทำให้น้ำพริกมีกลิ่นหอมอย่าบอกใครเลย
น้ำตาล
ที่มาภาพ
ส่วนมากจะใช้น้ำตาลปี๊บ ปรุงน้ำพริกกะปิควรเลือกน้ำตาลแท้ สังเกตจากสีจะออกเหลืองนวล อย่าเลือกน้ำตาลที่มีสีขาว เนื้อแข็ง เพราะอาจผสมสารเคมี หรือจะใช้น้ำตาลปึกจากต้นตาลก็ได้
นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับเพิ่มความอร่อยให้น้ำพริกกะปิอีก คือ ถ้าต้องการกินน้ำพริกที่ข้นหน่อย ให้ใส่กุ้งแห้งลงไป แต่ไม่ควรใช้กุ้งแห้งสีส้มเข้มเพราะผสมสี ก่อนใช้ให้แช่น้ำ ล้างให้สะอาด แล้วตักขึ้น บีบให้แห้ง ใส่ลงไปโขลกพร้อมกะปิและกระเทียม อย่าใส่ทีหลังพริกเชียว
หรือถ้าไม่มีมะนาวสามารถใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะม่วง มะขาม มะดัน มะยม แทนได้ เราก็จะได้น้ำพริกตามชื่อผลไม้ที่ผสมลงไป เช่น น้ำพริกมะนาว น้ำพริกมะขาม เป็นต้น
ลองทำดูสิคะ แค่ปรุงตามรสชาติที่ชอบ แล้วคุณจะรู้ว่า เราก็ทำได้!!!